1. ประสิทธิภาพการตรวจสอบ
สิ่งที่สำคัญในการเลือกใช้ Barcode Reader เพื่อใช้ในการตรวจสอบชิ้นงานการผลิต คือประสิทธิภาพอัตราในการอ่าน ซึ่งคำนวณได้จากจำนวนบาร์โค้ดที่อ่านหารด้วยจำนวนที่ตั้งเป้าหมาย โดยจะแสดงเป็น % และยิ่งใกล้ถึง 100 % มากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น
นอกจากนี้อัตราการอ่านของ Barcode Reader ยังเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในเรื่องความน่าเชื่อถือและความทนทาน เพราะ อัตราการอ่านที่สูงขึ้น ช่วยในปรับปรุงการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุนและแรงงาน
Barcode Reader แบบเครื่องอ่านบาร์โค้ดด้วยภาพ ใช้กับการอ่านได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่ในไลน์การผลิตเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้งานได้กับ Advanced Algorithm สำหรับบาร์โค้ดที่มีความเสียหายของรหัสอย่างมาก โดยเครื่อง laser scanners จะเกิดปัญหานี้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังใช้แหล่งกำเนิดแสงเพื่ออ่านรหัส ที่เลเซอร์ไม่สามารถมองเห็น รวมถึงบาร์โค้ดที่พิมพ์ด้วยหมึก UV ทำให้เครื่องอ่านบาร์โค้ดด้วยภาพจึงมีอัตราการอ่านสูงขึ้นมากแม้ว่ารหัสที่อ่านยากที่สุด ที่แม้แต่เครื่องสแกนแบบเลเซอร์ไม่สามารถอ่านได้
2. การอ่านโค้ดแบบรอบทิศทาง
สามารถอ่านบาร์โค้ดได้รอบทิศทางภายในมุมมองเดียว ในขณะที่เลเซอร์ สแกนเนอร์มีข้อจำกัดเล็กน้อย คือ 1D จะต้องสแกนรหัสด้วยเลเซอร์ สแกนเนอร์จากซ้ายไปขวา ทำให้สแกนเนอร์เลเซอร์จำนวนมากมักจะต้องกำหนดค่าให้อ่านบาร์โค้ดในแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถทำการวางแนวซ้ำได้ แต่การใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบนี้ ไม่เพียงแค่ผู้อ่านจัดการกับแนวบันไดทั่วไปหรือการวางแนวบาร์โค้ดเท่านั้น แต่ยังสามารถค้นหาและอ่านบาร์โค้ดได้จากทุกมุมมองหรือทิศทาง
3. การอ่านโค้ด 2D
อุตสาหกรรมหลายๆ แห่งได้มีการเปลี่ยน จากรหัส 1D เป็น 2D เช่น Data Matrix หรือ QR Code เนื่องจากข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเก็บไว้ในรหัส 2D เพื่อช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ตลอดกระบวนการผลิตและ Supply Chain ส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้ร่วมกับบาร์โค้ด 1D ในกระบวนการผลิต ซึ่งเลเซอร์สแกนเนอร์ไม่สามารถอ่าน Data Matrix หรือ QR Code
ในทางกลับกัน เครื่องอ่านบาร์โค้ดด้วยภาพ สามารถ อ่านรหัส 2D ได้อย่างแม่นยำเช่นเดียวกับบาร์โค้ด 1D หรือแม้กระทั่งทั้งสองอย่างพร้อมกัน
4. เลนส์และระบบไฟ
เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพเป็นกุญแจสำคัญในการรับรหัสภาพที่ดี คุณภาพของเครื่องอ่านที่ดีต้องสามารถเลือกเลนส์หลายแบบขึ้นอยู่กับปริมาณความละเอียดที่ต้องการในระยะการทำงานที่กำหนด ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับเครื่องอ่านบาร์โค้ดคือ autofocus หรือ liquid lens ซึ่งช่วยให้เครื่องอ่านบาร์โค้ดสามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของระยะการทำงาน ที่ทำงานในลักษณะเดียวกับดวงตาของมนุษย์ สามารถปรับแต่งเพื่อโฟกัสจุดที่ต้องการ โดยใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง
แสงสว่างยังมีบทบาทสำคัญในการรับรหัสภาพ Barcode Reader แบบเครื่องอ่านบาร์โค้ดด้วยภาพสามารถนำแสงทั้งภายในและภายนอกมาปรับใช้รวมกันได้
5. การเก็บข้อมูลภาพ
ความแตกต่างของเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพกับเลเซอร์ สแกนเนอร์ คือในสายการผลิต ผู้ประกอบการมีตัวเลือกที่ช่วยให้พวกเขาตรวจสอบสถิติอัตราการอ่านและดูภาพที่เครื่องอ่านบาร์โค้ดใช้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจว่าระบบใช้งานได้ และสามารถรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีการอ่าน นอกจากนี้ยังสามารถถตอบสนองข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว เช่น ฉลากที่ไม่ได้ใช้ หรือหมึกเหลือน้อยในฉลากเครื่องพิมพ์
6.คุณภาพของบาร์โค้ด
ในกรณีที่การตรวจสอบบาร์โค้ดไม่สอดคล้องกับคุณภาพระดับสากลมาตรฐาน เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพสามารถให้ Feedback คุณภาพบาร์โค้ด ซึ่งธุรกิจบางแห่งใช้ process control metrics (PCM) เพื่อตรวจสอบบาร์โค้ด
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกในการเพิ่มซอฟต์แวร์ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพโดยตรงบนเครื่องที่ให้ความแม่นยำมากขึ้น โดยการตรวจสอบคุณภาพของบาร์โค้ดนี้สามารถระบุได้และแก้ไขทันที เพื่อหลีกเลี่ยง
ประสิทธิภาพการหยุดทำงานที่ลดลง หรือการปฏิเสธการชำระเงิน
7. การเชื่อมต่อ
สามารถเชื่อมต่อโปรโตคอลการสื่อสารระดับอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ
รวมถึง Ethernet, USB, RS-232, I / O แบบแยก, Ethernet / IP, PROFINET และ Modbus TCP / IP จึงทำให้เกิดการรวมกันระหว่างเครื่องอ่านและเครือข่ายโรงงานง่ายขึ้น ซึ่งมีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับการอ่านและการส่งข้อมูลการติดตามผลิตภัณฑ์ แต่ยังสำหรับการจัดเก็บภาพรหัสที่เก็บถาวรได้อีกด้วย
8. ต้นทุน
ด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้นและความยืดหยุ่นของเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพ คุณอาจจะคิดว่าอาจมีต้นทุนที่แพงกว่าเครื่องสแกนแบบเลเซอร์ ซึ่งอาจเป็นความจริงในอดีตที่ผ่านมา เพราะในตอนนี้เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพมีค่าใช้จ่ายเท่ากันกับเครื่องสแกนแบบเลเซอร์
นอกจากนี้ เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบรูปภาพ มี Firmware และ Software ที่มีการ Update อยู่เสมอเพื่อให้แน่ใจมีวิธีการถอดรหัสและประเภทรหัสใหม่ล่าสุด
